นบีลูฎเป็นลูกหลานของนบีอิบรอฮีมและเป็นบ่าวของอัลลอฮ ท่านนบีอิบรอฮีมได้ใช้ให้ท่านนบีลูฎไปยังเมืองโซดอมเพราะว่าเมืองนั้นกระทำการ
สักการะสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮและพวกเขายังได้ทำการริวาด คือการ ร่วมหลับนอนกับเพศเดียวกัน นบีลูฎจึงไปเมืองนั้นเพื่อตักเตือนการกระทำ
ของพวกเขาและชี้ทางสว่างให้ แต่พวกเขากลับไม่ยอมเชื่อฟังและต้องการให้ท่านนบีลูฎออกไปเมืองนี้ ดังนั้นท่านนบีลูฎจึงหมดกำลังใจและขอ
ความช่วยเหลือจากอัลลอฮให้ทำการลงโทษแก่พวกเขาหลังจากนั้นพระองค์จึงส่งมลาอิกะห์มา 3 ท่านด้วยกัน หลังจากนั้นท่านทั้งสามก็ได้ไป
หาท่านนบีลูฎเมื่อท่านนบีลูฎเห็นท่านจึงตกใจและเป็นห่วงท่านทั้งสามเพราะพวกท่านนั้นมีรูปร่างที่งาม หล่อ แต่ท่านนบีลูฎหารู้ไม่ว่าท่านทั้งสาม
คือมลาอีกะห์ เมื่อชาวเมืองโซดอมรู้ พวกเขาจึงรีบวิ่งกันมาบ้านของท่านนบีลูฎเพื่อที่ต้องการจะร่วมรักกับชายรูปงามทั้งสาม ท่านนบีลูฎจึงรีบเข้า
ไปขวางและกล่าวว่า พวกท่านอย่าสร้างความอับอายแกบรรดาแขกของข้าเลย แต่บรรดามลาอิกะก็กล่าวว่า ท่านไม่ต้องกลัวเพราะพวกเขาไม่
สามารถทำอะไรเราได้เพราะพวกเราคือมลาอิกกะบ่าวของอัลลอฮและหลังจากนี้ท่านจงรวบรวมบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮออกไปจากเมืองนี้เสีย
เถิดเพราะพวกเราจะทำการลงโทษแก่พวกเขา เมื่อท่าน(ศาสดา)นบีลูฎและพวกพ้องอพยพออกไปจากเมือง อัลลอฮก็ได้พลิกเมืองทั้งเมืองโซดอมลงไปจมอยู่ใต้ดิน
วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555
ศาสดาของศาสนาอิสลาม-นบีมูฮัมหมัด (ซล)
ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกิดที่นครมักกะฮฺ ประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แถบตะวันออกกลาง เกิดเมื่อเวลาเช้าตรู่ของ วันที่ 12 เดือน ร่อบีอุ้ลเอาวัล ปีช้าง ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.571 หรือ พ.ศ.1114 เมื่อท่านอับดุลมุฏฏอลิบ ผู้เป็นปู่ได้ทราบข่าวการเกิด จึงได้รีบไปเยี่ยมและได้ตั้งชื่อให้หลานชายว่า มุฮัมหมัด ผู้ได้รับการสรรเสริญ
เชื้อสาย
บิดาของท่านชื่อ อับดุลลอฮฺ เป็นบุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ บุตรของฮาชิม บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของกุศ็อย บุตรของกิลาบ มารดาของท่านชื่อ อะมีนะฮฺ บุตรของวะฮับ บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของชุรอฮฺ บุตรของกิลาบ บิดาและมารดาของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นต้นตระกูลเดียวกัน หรือเผ่าเดียวกัน คือเผ่ากุเรช บิดาของท่านเสียชีวิตในขณะท่านอยู่ในครรภ์มารดา และต่อมามารดาของท่านก็เสียชีวิตอีก ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 6 ปี ท่านศาสดาจึงได้ไปอยู่กับปู่ชื่อ อับดุลมุฏฏอลิบ
เมื่อยังเป็นเด็กท่านเคยทำงานโดยมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงแกะ และได้เคยติดตามลุงไปค้าขายยังประเทศซีเรีย 2 ครั้ง ครั้งแรกไปเมื่ออายุ 12 ปี ครั้งที่ 2 ไปเมื่ออายุ 25 ปี ในขณะที่ท่านมีอายุ 25 ปีนั้น ท่านไปทำงานอยู่กับท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการค้าในนครมักกะฮฺด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีไมตรีและมิตรภาพ ประกอบกับมีประสบการณ์ในเรื่องการค้าขายเมื่อสมัยที่ยังอยู่กับลุง จึงทำให้กิจการค้าของท่านหญิงค่อดีญะหฺได้เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ
แม่นมของศาสดา เมื่อท่านศาสดาเกิดได้ 2-3 วัน ท่านได้รับการเลี้ยงดูจากสุวัยบะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมคนแรก สำหรับแม่นมคนที่ 2 คือ ฮาลีมะฮ์ อัซซะอ์ดียะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมโดยถาวร
วัยเติบโตของท่านศาสดา ท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความประเสริฐหลายด้าน เช่นความสัจจะ ความซื่อสัตย์ ท่านได้รับสมญานาม อัซซอดิก ผู้มีวาจาสัจจะ และ อัลอะมีน ผู้ที่มีความซื่อสัตย์
การตายของบิดา อับดุลลอฮ์ บิดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอยู่ในครรภ์มารดา 2 เดือน
การตายของมารดา อามีนะฮ์ มารดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 6 ปี
การตายของปู่ อับดุลมุตตอลิบ ปู่ของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 8 ปี
อาศัยอยู่กับลุง อบูตอ
ลิบ ลุงของท่านศาสดาเลี้ยงดูท่านศาสดาด้วยความรักและเอ็นดู
ท่านศาสดาเป็นเด็กฉลาด มีความประพฤติดีและขยัน ท่านช่วยลุงเลี้ยงแพะ แกะ
และช่วยลุงทำงานหลายอย่าง
การสมรส
ท่านได้รับการยกย่องและขนานนามว่า " อัลอามีน " แปลว่า ผู้ซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และการได้รับความไว้วางใจของท่านนี้เองทำให้ท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ซึ่งเป็นนายจ้างของท่านได้ขอแต่งงานกับท่าน ซึ่งขณะนั้นท่านอายุได้ 25 ปี ส่วนท่านหญิงค่อดีญะฮฺอายุได้ 40 ปี ซึ่งเป็นแม่หม้าย ท่านหญิงค่อดีญะฮฺได้สิ้นชีวิตลงก่อน
ฮิจเราะฮฺประมาณ 3 ปีกว่า ซึ่งขณะนั้นท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีอายุ 50 ปีเต็ม ดังนั้นท่านทั้งสองจึงใช้ชีวิตร่วมกันไม่น้อยกว่า 25 ปี และตลอดเวลาอันยาวนานนั้น ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ ท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ทั้งๆที่ในประเทศอาหรับขณะนั้นการมีภรรยาหลายคนจะเป็นเหตุการณ์ปกติหรือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญก็ตาม
การเป็นศาสดา
ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับวะฮฺยู (วะฮียฺ) = Revalation = การดลใจหรือการรวบรัดดวงจิตโดยฉับพลัน จากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า อิดเราะอฺ แปลว่า จงอ่าน
" จงอ่าน ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงสร้าง (สากลจักรวาล) ผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และผู้อภิบาลของเจ้าทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง " (96 : 1-3)
ท่านได้รับวะฮฺยูหรือการดลใจหรือการแต่งตั้งให้เป้นศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเดือนร่อมาฎอน ณ
ถ้ำฮิรออฺ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 40 ปี
การแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดามุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลหลังจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนบีได้ 6 เดือน ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลในเดือนรอบีอุ้ลเอาวัล ตรงกับ ค.ศ. 610
การประกาศอิสลามอย่างลับๆ
พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบัญชาให้ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศอิสลามอย่างลับๆก่อน คือประกาศแก่ญาติผู้ใกล้ชิดเป็นประการแรก หญิงคนแรกที่นับถือศาสนาอิสลาม คือ ท่านหญิง
ค่อดีญะฮฺ ภรรยาของท่าน ชายหนุ่มคนแรกที่รับอิสลามคือ ท่านอบูบักร เยาวชนคนแรกที่รับอิสลาม คือท่านอลี ซึ่งมีอายุเพียง 8-10 ปี ทาสคนแรก คือ ท่านซัยดฺ ซึ่งเป็นบุตรของฮาริซะฮฺ และต่อมาได้รับกรปลดปล่อยให้เป็นอิสระ การประกาศอิสลามอย่างลับๆ ได้กระทำมาเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุที่ประกาศอย่างลับๆ นี้เพราะบรรดามุสลิมยังมีกำลังน้อยอยู่
การประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย
หลังจากที่ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ประกาศศาสนาอย่างลับๆ เป็นเวลา 3 ปี
แล้วก็ได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้ประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย
ทั้งๆที่ในขณะนั้นมีผู้นับถืออิสลามยังไม่มากนัก ถือกำเนิดจากตระกูลกุร็อยส์ วงศ์ระกูลของท่านสืบเชื้อสายมาจากนบีอิสมาอีล บุตร นบีอิบรอฮีม (อ.ล.)
การเดินทางไปต่างแดน ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายกับลุงที่ซีเรีย ขณะที่ท่านมีอายุเพียง 12 ปี ใน ระหว่างทางท่านได้พบกับบาทหลวงชื่อ บะฮีรอ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นศาสดาของท่านในอนาคต
ร่วมสงครามฟุจญ้าร ครั้งที่ 1 และ 2 ท่านศาสดามุฮัมมัดเข้าร่วมทำสงครามระหว่างเผ่าในเมืองมักกะฮ์ขณะที่ท่านมีอายุ 15 ปี
ร่วมขบวนการฟื้นฟู ฮิลฟุล ฟุดุ้ล ท่านศาสดาเข้าร่วมองค์กรช่วยเหลือและสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นองค์กรของเยาวชน ในขณะที่ ท่านมีอายุ 16 ปี
การเดินทางไปค้าขาย ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายที่ซีเรียในฐานะพ่อค้า ท่านทำการค้าให้กับพระนางคอดีญะฮ์ ในขณะที่ท่านศาสดามีอายุ 23 - 24 ปี
การตัดสินชี้ขาดด้วยชาญฉลาด ท่านศาสดามุฮัมมัด
ทำการตัดสินชี้ขาดกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับการยกหินดำไปวางไว้ที่เดิม
การแก้ปัญหาของท่านได้สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคน
ทำให้ทุกคนยอมรับในความเฉลียวฉลาดของท่าน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ท่านมีอายุ 35 ปี
การประทานวะฮีย์ครั้งแรก อัลลอฮ์ทรงประทานอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลอะลัก อายะฮ์ที่ 1 – 5 ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 17 เดือนรอมฎอนที่ถ้ำฮิรออ์เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงถึง การได้รับแต่งตั้งเป็นนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด ในขณะที่ท่านมีอายุ 40 ปี
การละหมาดฟะญัรและอัสรี่ อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ละหมาดฟะญัร เวลารุ่งอรุณ และอัสรี่ เวลาเย็นอย่างละ 2 ร็อกอะฮ์ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูต
ชาวกุร็อยส์ต่อต้านท่านศาสดา ปีที่ 3 – 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์ประชุมหารือ เพื่อขอร้องให้ลุงของท่านศาสดาอบูตอลิบช่วยบอกให้ศาสดาเลิกล้มการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม แต่ท่านศาสดาปฏิเสธข้อเสนอ ท่านกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะไม่ทิ้งงานเผยแผ่เป็นอันขาด จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงให้ได้รับชัยชนะหรือไม่ฉันก็พินาศไป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเผยแผ่ของท่านศาสดา
ชาวกุร็อยส์ต่อต้านอย่างรุนแรง ปีที่ 5 – 7 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์เริ่มทำร้ายบรรดาศอฮาบะฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นทาส พวกอ่อนแอซึ่งไม่มีคนคอยช่วยเหลือ
การอพยพสู่อบิสสิเนีย เมื่อศาสดาเห็นบรรดาศอฮาบะฮ์ได้รับความทุกข์ทรมานและการทำทารุณ ท่านศาสดามุฮัมมัดสั่งให้ศอฮาบะฮ์อพยพไปอบิสสิเนีย – เอธิโอเปีย ในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล
บุคคลสำคัญรับอิสลาม ท่านฮัมซะฮ์ บุตร อับดุลมุตตอลิบ และอุมัร บุตรค็อตต็อบ เข้ารับอิสลามในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลต่อมาอัลลอฮ์ได้ให้อิสลามมีความเกรียงไกรด้วยการรับอิสลามของทั้งสอง
การคว่ำบาตรท่านศาสดา ชาวกุร็อยส์ต่อต้านและคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมกับท่านศาสดา ตระกูลบนูฮาชิมและบรรดาผู้ศรัทธา ในปีที่ 7 – 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล
ปีแห่งความโศกเศร้า ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ถือว่าเป็นปีแห่งความโศกเศร้า เนื่องจากพระนางคอดีญะฮ์ผู้เป็นภรรยาและ อบูตอลิบผู้เป็นลุงที่ได้ให้การอุปการะได้สิ้นชีวิต
การเผยแผ่ที่เมืองฎออิฟ ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดาเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่เมืองฎออิฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมักกะฮ์ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธ
การละหมาดฟัรดู อัลลอฮ์ทรงกำหนดการละหมาดฟัรดู 5 เวลาในขณะที่ท่านศาสดาเมี๊ยะรอจญ์
การเริ่มต้นของอิสลามที่มะดีนะฮ์ ปีที่ 11 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 6 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อขอรับอิสลาม
สนธิสัญญาอัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 1 ปีที่ 12 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 12 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญาอัลอะกอบะฮ์ครั้งที่ 1 โดยให้สัตยาบันว่าจะเคารพภักดีอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว
สนธิสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 ปีที่ 13 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 75 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 โดยให้สัตยาบันว่าพวกเขาจะสนับสนุนและช่วยเหลือท่าน ศาสดาพร้อมทั้งบรรดาศอฮาบะฮ์ที่อพยพไปอยู่ที่มะดีนะฮ์
ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์สู่มะดีนะฮ์ ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์โดยมีอบูบักรร่วมเดินทางไกลด้วย ระหว่างทางท่านได้สร้าง มัสญิดกุบาอ์ ซึ่งเป็นมัสญิดหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้น ท่านศาสดาเข้าเมืองมะดีนะฮ์ใน
วันศุกร์ ท่านได้ทำการละหมาดวันศุกร์ร่วมกับพี่น้องมุสลิมที่นั่น
ซึ่งถือว่าเป็นการละหมาดวันศุกร์ครั้งแรกของอิสลาม เมื่อถึงเมืองมะดีนะฮ์ ท่านศาสดาได้สร้างความรัก ความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาระหว่างชาวมุฮาญิรีน ผู้อพยพ กับชาวอันซ็อร ผู้ช่วยเหลือการอพยพของท่านศาสดามีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์อิสลาม มุสลิมจึงถือเอาการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นจุดเริ่มของศักราชอิสลาม ซึ่งเรียกว่า ฮิจญเราะฮ์ศักราช ( ฮ.ศ. ) ปีแห่งการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัด
วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555
ประวัติ นบีมูซา
ศาสดาของศาสนาอิสลาม.....นบีมูซานั้นเกิดในประเทศอียิปซึ่งท่านเกิดในเผ่าบานีอิสรออีล(ยิว) ต่อมานักทำนายของฟิรเอาได้ทำนายว่า
จะมีเด็กที่เกิดจากเผ่าบานีอิสรออีลขึ้นแล้วเด็กคนนั้นจะทำลายและล้มราชบัลลังของเขา ซึ่งทำให้ฟิรเอานั้นโกดมากจึงทำให้เขาสั่งให้ทหารที่
อยู่ในการปกครองของเขาทำการฆ่าเด็กทารกแรกเกิดเพศชายของเผ่าบานีอิสรออีลทุกคนที่เกิดในเวลานั้นให้หมด และในขณะนั้นก็มี
หญิงคนหนึ่งคลอดเด็กทารกเพศชาย และเด็กคนนั้นก็มีชื่อว่า มูชา ด้วยความสงสารและรักบุตรชายของเธอเองทำให้เธอหาวิธีที่จะปกป้องและ
ดูแลให้พ้นจากสายตาของทหารฟิรเอา ด้วยความเมตตาของอัลลอฮพระองค์ได้ทรงดลบันดาลใจของนางให้นำบุตรชายของนางนั้นใส่ใน
หีบและนำไปในแม่น้ำไนล์ ด้วยพระประสงค์ของพระองค์ หีบนั้นได้ลองไปที่พระราชวังของฟิรเอา เมื่อภรรยาของฟิรเอาได้เห็นเข้าก็ได้เกิด
ความรักและหลงไหลในเด็กนั้้น นางจีงนำไปให้ฟิรเอาดูแต่ฟิรเอานั้นไม่เห็นชอบด้วยที่จะนำมาเลี้ยงแต่ด้วยความรักตัวภรรยาของเขา ฟิรเอา
จึงต้องยอมให้เลี้ยง ท่านนบีมูซาจึงอยู่ในฐานะลูกชองราชาและท่านก็ได้อยู่ในนั้นจนท่านได้เติบโต ครั้งหนึ่งท่านนบีอีซาได้เดินเข้าไปในเมือง
ของท่าน ได้พบชายสองคนที่เป็นยิวและอียิปกำลังต่อสู้กัน จากนั้นชาวยิวจึงขอความช่วยเหลือท่าน ท่านจึงชกชาวอียิปหนึ่งหมัดทำให้ชายคน
นั้นตายทันที ท่านจึงกลัวและรีบหลบหนีออกจากเมืองเพราะกลัวว่าจะถูกตามล่า
หลังจากที่ท่านได้หลบหนีไปท่านนบีอีซาได้เจอกับกลุ่มชนหนึ่งที่กำลังแย่งกันตกน้ำจากในบ่อ แต่มีหญิงสาวสองคนที่ไม่สามารถเข้าไปตักได้
ท่านจึงช่วยตักน้ำจากในบ่อให้นางทั้งสอง ต่อมาหญิงสาวทั้งสองคนนี้ได้เชิญให้ท่านมาที่บ้านเพื่อพบกับพ่อของนาง(นบีชุอัย)
หลังจากนั้นท่านนบีชุอัยก็ได้เสนอต่อท่านนบีอีซาให้แต่งงานกับบุตรสาวคนใดคนหนึ่งของท่านโดยมีเงื่อนไขต้องเลี้ยงแกะเป็นเวลา แปด ปี
แต่ด้วยความมีน้ำใจของท่านนบีมูซาท่านได้เสนอเป็นเวลา สิบ ปี หลังจากนั้นท่านนบีมูซาก็ได้กลับไปเมืองของท่านพร้อมกับครอบครัวระหว่าง
เดินทางท่านก็ได้รับวะฮีย์และได้ถูกแต่งต่างให้เป็นนบีที่ภูเขาฎูรและได้รับมุญิซาจจากอัลลอฮ 2 อย่าง หนึ่ง ไม้เท้า สอง มือที่สามารถเปล่งแสงได้
เมื่อเอาออกจากเอว เมื่อท่านนบีเข้าเมืองท่านได้เห็นประชาชนของท่านถูกทรมานท่านจึงได้ไปหาฟิรเอาให้ปลดปล่อยประชาชนของท่าน
และท่านก็ได้แสดงมุญิซาจของอัลลอฮต่อหน้าฟิรเอาด้วยการให้ไม้เท้ากลายเป็นงู แต่ฟิรเอาไม่ยอม ต่อมาอัลลอฮก็ได้สงภัยพิบัติมายังเมือง
ไม่ว่าจะเป็นฝูงตั๊กแตน โรคร้ายและอื่นๆ และท่านนบีมูซาก็ได้นำประชาชาติของท่านอพยพเมื่อฟิรเอารู้จึงได้ส่งกองทหารเพื่อไล่ตามและฆ่า
ท่านนบีมูซา เมื่อท่านนบีอีซาได้อพยพไปถึงทะเลท่านได้ใช้ไม้เท่าตีไปที่ทะเลทำให้ทะเลแยกออก และให้ประชาชาติของท่านเดินผ่านไป โดยมี
กองทหารตามมาติดๆ เมื่อประชาชาติของท่านข้ามทะเลไปหมด ทะเลก็ได้กลับเป็นดั่งเดิมทำให้ทหารของฟิรเอารวมทั้งฟิรเอาจมน้ำตาย
หลังจากนั้นท่านก็ได้ขึ้นไปรับวะฮีและคัมภี เตารอฮ เมื่อท่านลงมาประชาชาติของท่านได้ทำการปั้นรูปวัวทองคำ ท่านนบีจึงได้ลงโทษ
และท่านก็ได้เดินไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ ตามประสงค์ของอัลลอฮ .....ศาสดาของศาสนาอิสลาม
จะมีเด็กที่เกิดจากเผ่าบานีอิสรออีลขึ้นแล้วเด็กคนนั้นจะทำลายและล้มราชบัลลังของเขา ซึ่งทำให้ฟิรเอานั้นโกดมากจึงทำให้เขาสั่งให้ทหารที่
อยู่ในการปกครองของเขาทำการฆ่าเด็กทารกแรกเกิดเพศชายของเผ่าบานีอิสรออีลทุกคนที่เกิดในเวลานั้นให้หมด และในขณะนั้นก็มี
หญิงคนหนึ่งคลอดเด็กทารกเพศชาย และเด็กคนนั้นก็มีชื่อว่า มูชา ด้วยความสงสารและรักบุตรชายของเธอเองทำให้เธอหาวิธีที่จะปกป้องและ
ดูแลให้พ้นจากสายตาของทหารฟิรเอา ด้วยความเมตตาของอัลลอฮพระองค์ได้ทรงดลบันดาลใจของนางให้นำบุตรชายของนางนั้นใส่ใน
หีบและนำไปในแม่น้ำไนล์ ด้วยพระประสงค์ของพระองค์ หีบนั้นได้ลองไปที่พระราชวังของฟิรเอา เมื่อภรรยาของฟิรเอาได้เห็นเข้าก็ได้เกิด
ความรักและหลงไหลในเด็กนั้้น นางจีงนำไปให้ฟิรเอาดูแต่ฟิรเอานั้นไม่เห็นชอบด้วยที่จะนำมาเลี้ยงแต่ด้วยความรักตัวภรรยาของเขา ฟิรเอา
จึงต้องยอมให้เลี้ยง ท่านนบีมูซาจึงอยู่ในฐานะลูกชองราชาและท่านก็ได้อยู่ในนั้นจนท่านได้เติบโต ครั้งหนึ่งท่านนบีอีซาได้เดินเข้าไปในเมือง
ของท่าน ได้พบชายสองคนที่เป็นยิวและอียิปกำลังต่อสู้กัน จากนั้นชาวยิวจึงขอความช่วยเหลือท่าน ท่านจึงชกชาวอียิปหนึ่งหมัดทำให้ชายคน
นั้นตายทันที ท่านจึงกลัวและรีบหลบหนีออกจากเมืองเพราะกลัวว่าจะถูกตามล่า
หลังจากที่ท่านได้หลบหนีไปท่านนบีอีซาได้เจอกับกลุ่มชนหนึ่งที่กำลังแย่งกันตกน้ำจากในบ่อ แต่มีหญิงสาวสองคนที่ไม่สามารถเข้าไปตักได้
ท่านจึงช่วยตักน้ำจากในบ่อให้นางทั้งสอง ต่อมาหญิงสาวทั้งสองคนนี้ได้เชิญให้ท่านมาที่บ้านเพื่อพบกับพ่อของนาง(นบีชุอัย)
หลังจากนั้นท่านนบีชุอัยก็ได้เสนอต่อท่านนบีอีซาให้แต่งงานกับบุตรสาวคนใดคนหนึ่งของท่านโดยมีเงื่อนไขต้องเลี้ยงแกะเป็นเวลา แปด ปี
แต่ด้วยความมีน้ำใจของท่านนบีมูซาท่านได้เสนอเป็นเวลา สิบ ปี หลังจากนั้นท่านนบีมูซาก็ได้กลับไปเมืองของท่านพร้อมกับครอบครัวระหว่าง
เดินทางท่านก็ได้รับวะฮีย์และได้ถูกแต่งต่างให้เป็นนบีที่ภูเขาฎูรและได้รับมุญิซาจจากอัลลอฮ 2 อย่าง หนึ่ง ไม้เท้า สอง มือที่สามารถเปล่งแสงได้
เมื่อเอาออกจากเอว เมื่อท่านนบีเข้าเมืองท่านได้เห็นประชาชนของท่านถูกทรมานท่านจึงได้ไปหาฟิรเอาให้ปลดปล่อยประชาชนของท่าน
และท่านก็ได้แสดงมุญิซาจของอัลลอฮต่อหน้าฟิรเอาด้วยการให้ไม้เท้ากลายเป็นงู แต่ฟิรเอาไม่ยอม ต่อมาอัลลอฮก็ได้สงภัยพิบัติมายังเมือง
ไม่ว่าจะเป็นฝูงตั๊กแตน โรคร้ายและอื่นๆ และท่านนบีมูซาก็ได้นำประชาชาติของท่านอพยพเมื่อฟิรเอารู้จึงได้ส่งกองทหารเพื่อไล่ตามและฆ่า
ท่านนบีมูซา เมื่อท่านนบีอีซาได้อพยพไปถึงทะเลท่านได้ใช้ไม้เท่าตีไปที่ทะเลทำให้ทะเลแยกออก และให้ประชาชาติของท่านเดินผ่านไป โดยมี
กองทหารตามมาติดๆ เมื่อประชาชาติของท่านข้ามทะเลไปหมด ทะเลก็ได้กลับเป็นดั่งเดิมทำให้ทหารของฟิรเอารวมทั้งฟิรเอาจมน้ำตาย
หลังจากนั้นท่านก็ได้ขึ้นไปรับวะฮีและคัมภี เตารอฮ เมื่อท่านลงมาประชาชาติของท่านได้ทำการปั้นรูปวัวทองคำ ท่านนบีจึงได้ลงโทษ
และท่านก็ได้เดินไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ ตามประสงค์ของอัลลอฮ .....ศาสดาของศาสนาอิสลาม
วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555
ประวัตินบีอิดรีส
นบีอิดรีสคือลูกชายของ ท่านชีต ซึ่งเป็นบุตรของท่านนบี อาดัม (อ.ล) ดังที่เราได้ทราบจากฮะดีษของท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล)ว่า
ชีต ได้รับแผ่นบัญญัติศาสนาจำนวน 50 แผ่น และเมื่อเขาใกล้เสียสิ้นชีพ เขาได้สั่งเสียไว้แก่บุตร
ชายคนหนึ่งของเขา ให้ทำหน้าที่ต่อจากเขา จนในที่สุดคำสั่งเสียนั้นได้ตกทอดไปจนถึง อุคนูค ซึ่งก็คือ อิดรีส (อ.ล) นบีอิดรีสถือกำเนิดมาในเผ่าบาบิโลน นบีอิดริสเป็นลูกหลานของท่านนบี อาดัม ในรุ่นที่ 5 ท่านได้พยายามเรียกร้องให้ผู้คนหันเข้าสู่ความเมตตาของอัลลอฮ แต่มีเพียงคนจำนวนน้อยเท่านั่นที่เชื่อต่อแนวทางของท่านนบีอิดรีส ท่านนบีอิดรีสได้ออกจากบาบิโลนและได้มุ่งหน้า
ไปยังอียิปต์ เขาได้ทำตามบัญชาของอัลลอฮเพื่อการเรียกร้องผู้คนไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง
ท่านนบีอิดรีสสอนให้พวกเขา นึกถึงอัลลอฮ ขอพรต่ออัลลอฮ ถือศิลอดในบางวัน แบ่งซะกาตแก่คนยากจน ท่านเป็นคนแรกในบรรดาลูกหลานของท่านนบีอาดัมที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี บางรายงานกล่าวว่าท่านเป็นคนคิดบทความที่เล่นคำขึ้น ตัวอย่างเช่น
“คนที่มีความสุขคือผู้ที่มองไปที่การกระทำของตัวเองและตั้งมันให้เป็นผู้อ้อนวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขา”
“ผู้ที่สุรุ่ยสุร่ายจะไม่ได้ประโยชน์จากมัน”
ชีต ได้รับแผ่นบัญญัติศาสนาจำนวน 50 แผ่น และเมื่อเขาใกล้เสียสิ้นชีพ เขาได้สั่งเสียไว้แก่บุตร
ชายคนหนึ่งของเขา ให้ทำหน้าที่ต่อจากเขา จนในที่สุดคำสั่งเสียนั้นได้ตกทอดไปจนถึง อุคนูค ซึ่งก็คือ อิดรีส (อ.ล) นบีอิดรีสถือกำเนิดมาในเผ่าบาบิโลน นบีอิดริสเป็นลูกหลานของท่านนบี อาดัม ในรุ่นที่ 5 ท่านได้พยายามเรียกร้องให้ผู้คนหันเข้าสู่ความเมตตาของอัลลอฮ แต่มีเพียงคนจำนวนน้อยเท่านั่นที่เชื่อต่อแนวทางของท่านนบีอิดรีส ท่านนบีอิดรีสได้ออกจากบาบิโลนและได้มุ่งหน้า
ไปยังอียิปต์ เขาได้ทำตามบัญชาของอัลลอฮเพื่อการเรียกร้องผู้คนไปสู่หนทางที่เที่ยงตรง
ท่านนบีอิดรีสสอนให้พวกเขา นึกถึงอัลลอฮ ขอพรต่ออัลลอฮ ถือศิลอดในบางวัน แบ่งซะกาตแก่คนยากจน ท่านเป็นคนแรกในบรรดาลูกหลานของท่านนบีอาดัมที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี บางรายงานกล่าวว่าท่านเป็นคนคิดบทความที่เล่นคำขึ้น ตัวอย่างเช่น
“คนที่มีความสุขคือผู้ที่มองไปที่การกระทำของตัวเองและตั้งมันให้เป็นผู้อ้อนวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขา”
“ผู้ที่สุรุ่ยสุร่ายจะไม่ได้ประโยชน์จากมัน”
วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555
ประวัตินบีอาดัม
ศาสดาของศาสนาอิสลาม
นบีอาดัม อะลัยฮสลาม
ครั้งก่อนที่มนุษย์จะเกิดนั้น อัลลอฮ(ซ.บ)ได้กล่าวกับเหล่าบรรดามลาอิกะ ทั้งหลาย ซึ่งเปนข้ารับใช้ของอัลลอฮ(ซบ) ว่า ฉันจะสร้างตัวแทนหนึ่งคนมาบนแผ่นดิน และบรรดามลาอิกะได้กล่าวว่า พระองค์จะสร้างผู้ที่สร้างความเสียหายและผู้ที่ชอบฆ่าฟันกันมาบนหน้าแผ่นดินของพระองค์กระนั้นหรือ ทั้งๆที่พวกเราได้กล่าวสรรเสริญและรับใช้พระองค์อยู่ทุกๆวินาทีและตลอดเวลา
อัลลอฮจึงได้กล่าวว่า ข้ารู้ในสิ่งที่บรรดาพวกเจ้านั้นมิได้รู้ หลังจากนั้นเหล่ามลาอิกะก็เงียบ หลังจากนั้นอัลลอฮก็ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาจากดิน
ตามที่พระองค์ได้พูดและกล่าวไว้ และอัลลอฮก็ได้ใส่วิญญานไปในดินที่พระองค์ได้สร้างไว้ หลักจากนั้นมนุษย์ที่มีชื่อว่า อาดัม ก็ได้เกิดขึ้น
ซึ่งอาดัมนั้น ก็เปนหนึ่งในศาสดาของศาสนาอิสลาม เมื่อ อาดัม เกิดขึ้น อัลลอฮก็ได้สอนและให้อาดัมเรียนรู้ชื่อของสิ่งต่างๆมากมายที่จำเป็น
ต่อการใช้ชีวิตบนผื้นแผ่นดินของพระองค์ อาดัมจึงรอบรู้ในสิ่งต่างๆ หลังจากที่อัลลอฮได้สอนศาสดาอาดัม พระองค์ก็ได้ทรงหันมาถาม
มลาอีกะว่า พวกเจ้าจงบอกชื่อสิ่งของต่างๆที่เราได้สร้างให้เรารู่หน่อย ถ้าหากพวกเจ้าแน่กว่าอาดัม มลาอิกะเลยตอบว่า มหาบริสุทธิแด่พระองค์
พวกเราไม่มีความรู้ใดๆได้นอกจากสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสอนเราเอาไว้ แท้จริงแล้ว พระองค์ทรงปรีชาสามารถและทรงรอบรู้ทุกๆสิ่ง
หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงบอกอาดัม อาดัมเอ๋ย เจ้าจงบอกชื่อของสิ่งต่างๆให้แกบรรดามลาอิกะซิ
หลังจากที่อาดัมได้บอกชื่อสิ่งของต่างๆต่อมลาอิกะ อัลลอฮก็ได้กล่าวว่า ฉันไม่ได้บอกพวกเจ้าหรือว่าฉันรู้เรื่องที่เล้นรับของชั้นฟ้าทั้นหลายและ
แผ่นดินยิ่งกว่าผู้ใดและรู้สิ่งที่พวกเจ้าเปิดหรือพวกเจ้าซ่อนเร้น และอัลลอฮก็ได้ใช้ให้บรรดามลาอีกะกราบไหว้ต่ออาดัม มลาอีกะทำตาม
บัญชาของอัลลอฮอย่างไม่มีข้อแม่ยกเว้นอิบลีสที่ยิ่งทนงตัวเองไม่ทำตามบัญชาของอัลลอฮ อัลลอฮจึงถามว่าเพราะเหตุใดเจ้าจึงไม่ทำตามบัญชา
ของข้าหรือเจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่ง อิบลีสจึงกล่าวว่า ฉันดีกว่าอาดัม พระองค์ได้ทรงบังเกิดฉันมาจากไฟ แต่พระองค์บังเกิดอาดัมมาจากดิน
พระองค์จะให้ฉันกราบไว้สิ่งที่ต่ำต้อยกว่าไฟกระนั้นหรือ หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงขับไล่อิบลิสออกจากสวรรค์ และพระองค์ก็ได้กล่าวว่า
แท้จริงแล้วเจ้าเป็นหนึ่งในหมู่บรรดาผู้ที่ถูกสาปแช่งจนถึงวันพิพากษา อิบลีสจึงได้กล่าวต่อว่า ได้โปรดยืดเวลาให้ฉันไปจนถึงวันที่ลูกหลาน
อาดัมต้องผื้นคืนชีพด้วยเถิด ดังนั้นอัลลอฮก็ได้ทรงมีเมตตาและผ่อนผันให้อิบลีส อิบลีสจึงกล่าวว่า พระองค์คือผู้ทรงกรุณา พระองค์คอยเฝ้าดูฉัน
เถิด ฉันจะคอยหลอกล่อลูกหลานของอาดัมทุกๆคน ยกเว้นบรรดาบ่าวซึ่งที่ศรัทธาต่อพระองค์
อัลลอฮจึงได้กล่าวว่า จำไว้ นี่คือความจริง ฉันไม่เคยโกหก ฉันจะทำให้ไฟนรกอันร้อนแรงนั้นเต็มไปด้วยบรรดาพวกเจ้าและมนุษย์ที่เชื่อเจ้า
อิบลีสผู้โอหังก็ได้กล่าวว่า เพราะพระองค์ทำให้ฉันกลายเปนผู้ที่หลงผิด ฉันสาบาน ฉันจะคอยโจมตีพวกเขาทุกๆด้าน และพระองค์จะพบว่าพวกเขา
ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อกตัญญูต่อพระองค์ หลังจากนั้นอัลลอฮก็ได้กล่าวกับอาดัมและฮาว่าา หลังจากนี้อิบลีสและบรรดาลูกหลานของมันคือศัตรูต่อ
เจ้าและภรรยาของเจ้า จงอย่าทำให้พวกเจ้าทั้งสองถูกไล่ออกจากสวรรค์เพราะการล่อลวงของมัน
ต่อมาอาดัมกับฮาวาก็ได้มีชีวิตอยู่บนสวรรค์อย่างสุขสบายแต่อัลลอฮได้ทรงบอกกับพวกเขาว่า บนสวรรค์นี้มีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งพวกเจ้าห้าม
เข้าใกล้มัน แต่ อาดัมแล้วฮาวาถูก อิบลิส ล่อลวงให้เข้าใกล้ต้นไม้นั้นและได้กินผลของพวกมันทำให้สิ่งพึงสงวนของพวกเขานั้นเผยออกมา
ทำให้พวกเขารีบหาใบไม้มาปิด เมื่อพระองค์รู้ก็ได้ทรงเรียกอาดัมและฮาวาออกมาและกล่าวว่า ฉันไม่ได้ห้ามพวกเจ้าไว้หรอกหรือว่าห้ามเข้า
ใกล้ต้นไม้ต้นนั้นและเตือนพวกเจ้าไว้แล้วว่ามันคือศัตรูของพวกเจ้าแล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงเชื่อมัน อาดัมกับฮาวาจึงสำนึกผิด อัลลอฮจึงได้
กล่าวว่าพวกเจ้าจงลงไปจากที่นี่เสียเถิดและพวกเจ้าจะไปอยู่บนแผ่นดินของข้าและพวกเจ้ากับอิบลิสจะเป็นศัตรูต่อกันบนหน้าแผ่นดิน
ข้าจะคอยให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะ เกิด ตาย และฟื้นขึ้นอีกครั้งบนหน้าแผ่นดินของข้า ฉันจะคอยให้แนวทางแกท่าน หากผู้ใดใน
บรรดาลูกหลานของท่านปฎิบัติตามพวกเขาก็จะไม่ต้องหวาดกลัวต่อข้า หากใครปฎิเสธิเขาต้องชดใช้สิ่งที่เขาได้ปฎิเสธิในนรกอันร้อนแรง
ศาสดาอาดัมและฮาวานั้นถือว่าเป็นบรรดาพ่อแม่และต้นกำเนิดของคนทั้งโลก.......................
ศาสดาของศาสนาอิสลาม
รายชื่อนบี 25 ท่าน
รายชื่อศาสดาและร่อซูลของศาสนา
อิสลาม25 ท่าน
- นบีอาดัม
- นบีอิดรีส
- นบีนั๊วฮ
- นบีฮูด
- นบีซอและฮ
- นบีอิรอฮีม
- นบีลูฏ
- นบีอิสมาอีล
- นบีอิสฮาก
- นบียะกู๊บ
- นบียูซุฟ
- นบีอัยยูบ
- นบีซุลกิบ
- นบีมูซา
- นบีฮารูน
- นบีดาวูด
- นบีสุลัยมาน
- ชูอัยบ์
- นบิอิลยาส
- นบีอัลยะซะฮ
- นบียูนุส
- นบีซักรียา
- นบียะฮยา
- นบีอีซา
- นบีมุฮัมหมัด
ศาสดาของศาสนาอิสลาม
ศาสดาของศาสนาอิสลาม
หรืออีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกว่านบี ศาสดาหรือนบีคือบุคคลที่พระเจ้าหรืออัลลอฮ(ซ.บ)ได้แต่งตั้งเพื่อรับโองการของพระองค์หรือวะฮีห์เพื่อที่จะนำไปเผยแพร่สั่งสองแกมวลมนุษย์โลกและที่จะชี้ทางสว่างแกมนุษย์ไม่ให้หลงผิดเพื่อที่จะได้รับสวรรค์ของพระองค์ศาสดาของศาสนาอิสลามนั้นมีอยู่หลายท่านแต่ที่ถูกระบุในกรุอ่านหรือคำภีร์และเปนร่อซูลนั้นมีเพียง 25 ท่าน นั้น ซึ่งบรรดานบีนั้นมีมากว่านี้ ไม่มีใครทราบได้แน่ชัด มีแต่อัลลอฮ(ซ.บ)ที่จะสามารถ รู้ถึงจำนวนที่แน่ชัดได้ของบรรดาศาสดา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)